บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Conversion Disorder ภาวะที่จิตใจส่งผลต่อร่างกาย จนบางคนไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้ และเหตุใดการดูแลทั้งสุขภาพจิตและกาย จึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิด

ความเครียดและความกดดัน นำไปสู่ภาวะ Conversion Disorder ได้จริงหรือไม่?

Conversion Disorder คืออะไร?

Conversion Disorder หรือที่เรียกกันว่า ภาวะป่วยทางจิตที่แสดงออกเป็นอาการทางร่างกาย เกิดจากการที่สมอง “แปลง” ความเครียดทางจิตใจให้แสดงออกมาเป็นอาการทางกาย เช่น

• ชา หรืออัมพาตในบางส่วนของร่างกาย
• อาการชักที่คล้ายลมชัก
• สูญเสียความสามารถในการพูดหรือการมองเห็น

สิ่งสำคัญคือ ไม่พบความผิดปกติทางกายภาพที่สามารถอธิบายอาการเหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Conversion Disorder

 
อาการที่สัมพันธ์กับความเครียด

ในกรณีของ จ้าวลู่ซือ อาการของเธอที่ได้รับการรายงาน เช่น รู้สึกชาในบางส่วนของร่างกาย หรือมีอาการคล้ายลมชัก อาจเกิดจากความเครียดสะสมที่ไม่ได้รับการจัดการ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าจิตใจและร่างกายอยู่ในภาวะที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน

 
ปัจจัยเสี่ยงของ Conversion Disorder

• ความเครียดทางจิตใจที่รุนแรง: เช่น การทำงานภายใต้แรงกดดันสูง หรือปัญหาส่วนตัวที่สะสม
• เหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ: เช่น การสูญเสียคนใกล้ชิด หรืออุบัติเหตุ
• พื้นฐานของภาวะสุขภาพจิต: เช่น โรควิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
• อิทธิพลจากสังคมหรือวัฒนธรรม: ในบางกรณี แรงกดดันจากสังคมและความคาดหวังสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้
   

Conversion Disorder กับความเครียด

สำหรับคนในวงการบันเทิง เช่น จ้าวลู่ซือ แรงกดดันจากงานและการถูกจับตามองในที่สาธารณะ อาจเป็นปัจจัยความเครียดที่กระตุ้นให้เกิด Conversion Disorder ได้ง่ายขึ้น การไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการที่ต้องรักษาภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง ซึ่งอาการนี้มีโอกาสเกิดได้กับผู้คนในหลากหลายกลุ่มอาชีพเช่นกัน

 
การป้องกันและดูแลตัวเองจาก Conversion Disorder

• จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม:ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การฝึกหายใจ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
• การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ:การปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์สามารถช่วยให้จัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น
• ปรับสมดุลการทำงานและการพักผ่อน:หาเวลาให้ตัวเองพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อลดความเครียดสะสม
• การตรวจพันธุกรรมเพื่อสุขภาพจิต:ปัจจุบันการตรวจพันธุกรรม เช่น Geneus DNA สามารถช่วยให้เราเข้าใจความเสี่ยงทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตได้มากขึ้น ช่วยให้คุณวางแผนดูแลตัวเองได้อย่างแม่นยำ
   

Geneus DNA: ตัวช่วยในการวางแผนสุขภาพส่วนบุคคล

แม้ว่า Conversion Disorder จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับพันธุกรรม แต่ความเครียดเรื้อรังและปัจจัยด้านสุขภาพจิตอื่น ๆ อาจได้รับอิทธิพลจากยีน เช่น ยีนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียดหรือความสมดุลของสารเคมีในสมอง การตรวจพันธุกรรมผ่าน Geneus DNA จึงช่วยให้คุณทราบข้อมูลลึก ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและร่างกาย

ข้อดีของการตรวจ Geneus DNA:

• วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพได้มากกว่า 500 รายการ
• วางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างแม่นยำ
• ลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังในอนาคต

 
สรุป
Conversion Disorder เป็นตัวอย่างของการที่จิตใจส่งผลต่อร่างกายอย่างชัดเจน กรณีอาการป่วยของ จ้าวลู่ซือ ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิต โดยเฉพาะในยุคที่ความเครียดและแรงกดดันเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การรู้จักตัวเองให้ลึกซึ้งผ่านพันธุกรรม และการดูแลสุขภาพทั้งทางกายและใจ จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน