
รหัสพันธุกรรมที่ซ่อนใน DNA อาจนำไปสู่การไขปริศนาตัวจริงของ "แจ็ค เดอะริปเปอร์" ฆาตกรชื่อดังในปี 1888 หลังเจ้าหน้าที่พบหลักฐานทางพันธุกรรม เชื่อมโยงถึงช่างตัดผมชายต่างแดน จนนับได้ว่าเป็นอีกครั้งที่วิทยาศาสตร์อาจช่วยไขคดีดังระดับโลก
เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่เคยได้ยินชื่อของ แจ็ค เดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper) ฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอนช่วงปี 1888 ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ว่า แจ็ค เดอะริปเปอร์ ตัวจริงคือใคร กระทั่งการค้นพบร่องรอยของ DNA ที่กำลังนำไปสู่การไขปริศนาที่ยืดเยื้อมากว่าหนึ่งศตวรรษ บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปดูด้วยกันว่า ข้อมูลทางพันธุกรรม (DNA) สามารถบอกอะไรได้บ้าง ทำไมถึงอาจมีส่วนทำให้ตำรวจเข้าใกล้ตัวคนร้ายมากขึ้น
แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack the Ripper) คือหนึ่งในฆาตกรที่สร้างความสะพรึง และเป็นปริศนามากที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ย่านไวต์แชปเพิลของลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นชุมชนที่แออัดและยากจน โดยชื่อเสียงของ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ กลายเป็นชื่อที่รู้จักกันทั่วโลก เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุที่โหดร้าย ซึ่งเชื่อว่าเขาได้สังหารผู้หญิงอย่างน้อย 5 คนในย่านไวต์แชปเพิล โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่ทำงานกลางคืน และอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก
แต่แม้คดีของ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ จะโด่งดัง ทว่าการตามล่าจับกุมคนร้ายกลับเป็นไปด้วยความยากลำบาก และกลายเป็นปริศนามานานกว่า 137 ปี เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ
ในยุคของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การตรวจ DNA ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในปัจจุบันยังไม่ถูกค้นพบ ทำให้การรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุมีข้อจำกัดอย่างมาก หลักฐานทางกายภาพ เช่น น้ำลาย เส้นผม คราบเลือด หรือเนื้อเยื่อ ไม่สามารถนำไปวิเคราะห์เชิงลึกได้ ส่งผลให้การระบุตัวฆาตกรกลายเป็นเรื่องยาก แม้ว่าหลักฐานเหล่านี้จะอยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ก็ไม่สามารถใช้ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำผิด
ในปัจจุบัน การตรวจ DNA ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการสืบสวนคดีอย่างสิ้นเชิง DNA สามารถเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ลักษณะทางพันธุกรรม เพศ หรือแม้แต่เชื้อชาติของผู้ต้องสงสัยได้ นอกจากนี้ยังช่วยเชื่อมโยงหลักฐานในที่เกิดเหตุกับตัวบุคคลอย่างชัดเจน ทำให้การวิเคราะห์ DNA จากคราบเลือด เส้นผม หรือเซลล์ผิวหนังที่หลงเหลือในที่เกิดเหตุ สามารถชี้ชัดถึงตัวผู้กระทำผิดได้อย่างแม่นยำ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี
การตรวจ DNA ยังช่วยตำรวจสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องสงสัยและเหยื่อ หรือแม้กระทั่งช่วยค้นหาเครือข่ายอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับคดี การตรวจ DNA ที่ถูกพัฒนาจนก้าวหน้า ยังช่วยแก้ไขคดีที่ไม่ได้ข้อสรุปในอดีต (cold cases) ให้กระจ่างขึ้น ด้วยการนำหลักฐานเก่ามาวิเคราะห์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ดังนั้น DNA จึงไม่เพียงช่วยตำรวจระบุตัวคนร้าย แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สร้างความยุติธรรมในสังคม การที่เรามีเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบันเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้คดีต่างๆ ได้รับการคลี่คลายอย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และลดข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับคดีแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ นักฆ่าปริศนาแห่งกรุงลอนดอนในยุควิคตอเรียที่ยังไม่ถูกไขปริศนา มีความหวังใหม่จากการวิเคราะห์ DNA บนผ้าพันคอที่เชื่อว่าเป็นของเหยื่อรายหนึ่ง ชื่อแคเธอรีน เอ็ดโดวส์ (Catherine Eddowes) หลักฐานดังกล่าวถูกตรวจสอบด้วยเทคโนโลยี DNA สมัยใหม่ โดยทีมวิจัยพบความเชื่อมโยงของ DNA ที่ตรงกับญาติของเอ็ดโดวส์และผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งชี้ว่าฆาตกรอาจเป็นช่างตัดผมชาวโปแลนด์ชื่อ อารอน โคสมินสกี (Aaron Kosminski) ที่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้มาก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำหลักฐานดังกล่าว ไปเปรียบเทียบกับญาติรุ่นหลังของเขาต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลักฐาน DNA ดังกล่าวยังถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ เนื่องจากอาจเกิดการปนเปื้อนหรือมีข้อผิดพลาดจากการเก็บรักษามานานกว่า 130 ปี การไขคดีแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ จึงยังคงเป็นปริศนาที่ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม แต่การใช้ DNA ชี้ให้เห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถเปิดประตูใหม่ในการแก้ไขคดีเก่าที่ไร้ข้อสรุปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตรวจ DNA ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำมาใช้ในหลากหลายด้าน ตั้งแต่การไขคดีอาชญากรรมไปจนถึงการค้นหาต้นตระกูลและเชื้อชาติ เช่นเดียวกับคดีแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ ที่การวิเคราะห์ DNA ถูกนำมาใช้เพื่อเชื่อมโยงผู้ต้องสงสัยกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ แม้ว่าจะยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ชัดเจน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าข้อมูลทางพันธุกรรมเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดเผยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในอดีต
การตรวจ DNA ไม่เพียงช่วยระบุตัวบุคคลหรือไขคดีเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ในการเข้าใจรากเหง้าทางเชื้อชาติของตัวเองผ่านการวิเคราะห์ haplogroup ซึ่งเป็นกลุ่มยีนที่บ่งบอกถึงเส้นทางการอพยพและวิวัฒนาการของมนุษย์ในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น DNA ยังสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ หรือการตอบสนองต่อสารอาหารได้ ทำให้การตรวจพันธุกรรมกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราวางแผนชีวิตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
Geneus DNA เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการตรวจพันธุกรรมที่ช่วยให้คุณรู้จักตัวเองในระดับลึก ทั้งการวิเคราะห์สุขภาพ ความเสี่ยงโรค การตอบสนองต่ออาหารและวิตามิน รวมถึงการตรวจเชื้อชาติผ่าน haplogroup เพื่อให้คุณเข้าใจถึงตัวเองและรากเหง้าในเชิงลึก ด้วยผลลัพธ์กว่า 500+ รายการ Geneus DNA ช่วยคุณวางแผนการดูแลสุขภาพและชีวิตได้อย่างตรงจุด เพราะการรู้จักตัวเองคือก้าวแรกสู่การมีชีวิตที่สมดุลและยั่งยืน
อ้างอิง https://www.cbsnews.com/news/jack-the-ripper-victim-relative-new-inquest-dna-evidence/