
คุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะ "เกลียดเสียง" หรือ Misophonia หากมีอาการเกลียดเสียงจนหงุดหงิดหรือถึงขั้นตื่นตระหนก เปิดสาเหตุ ทำไมบางคนถึงมีอาการเกลียดเสียง พร้อมกันได้ที่นี่
คุณเคยมีประสบการณ์หงุดหงิดหรือตื่นตระหนก เมื่อได้ยินเสียงเคี้ยวอาหาร เสียงหายใจ หรือแม้แต่เสียงของการเคาะปากกา หรือไม่? เสียงเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดความรำคาญกับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับบางคน การได้ยินเสียงเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกหงุดหงิด ตื่นตระหนก หรือโมโหอย่างรุนแรง อาการแบบนี้อาจเกิดจากภาวะที่เรียกว่า "เกลียดเสียง" หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Misophonia
ภาวะเกลียดเสียง Misophonia เป็นภาวะที่บุคคลมีปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างรุนแรงต่อเสียงบางประเภท ที่ผู้อื่นอาจไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา โดยอาการที่เกิดขึ้นมักจะเป็นความรำคาญ หรือตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน เมื่อได้ยินเสียงที่ตนไม่ชอบ
ตัวอย่างของเสียงที่มักก่อให้เกิดอาการนี้ ได้แก่ เสียงเคี้ยวอาหาร เสียงหายใจ เสียงเดิน หรือแม้กระทั่งเสียงของการพิมพ์แป้นพิมพ์ หรือเคาะปากกา คนที่มีภาวะนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ที่ดุดันกว่าคนปกติ ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของความหงุดหงิด โกรธ เครียด หรือแม้กระทั่งพยายามหลีกเลี่ยงการได้ยินเสียงนั้นๆ
ในบางกรณีอาการเกลียดเสียงสามารถส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การทำงาน การศึกษา และการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสียงที่ก่อให้เกิดอาการนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในสภาพแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น บ้านหรือที่ทำงาน
ผู้ที่มี ภาวะเกลียดเสียง หรือ Misophonia มักจะมีอาการไม่พึงพอใจต่อเสียงที่เฉพาะเจาะจง และอาการเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามบุคคล โดยอาการที่พบบ่อยประกอบด้วย
แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน ถึงสาเหตุที่แท้จริงของ ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) แต่ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งสมมติฐานหลายข้อ เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้บางคนพัฒนาภาวะนี้ได้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือความผิดปกติในการประมวลผลเสียงของสมอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความบกพร่องของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้เสียงและการประมวลผลอารมณ์
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยง ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) กับปัจจัยทางพันธุกรรม เนื่องจากในบางกรณีมีการพบว่าภาวะนี้อาจถ่ายทอดทางครอบครัวได้ อีกทั้งสภาพจิตใจ หรือประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจมีผลต่อการเกิดภาวะนี้ เช่น หากเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเสียงบางประเภทในวัยเด็ก อาจทำให้เสียงนั้นกลายเป็นสาเหตุของการกระตุ้นอารมณ์รุนแรงในภายหลัง
นอกจากนี้ ปัจจัยทางจิตใจ เช่น ความเครียดสะสม หรือสภาพแวดล้อมที่กดดัน อาจทำให้คนบางคนมีความไวต่อเสียงมากขึ้น จนก่อให้เกิดอาการ ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเครียดสูง ร่างกายและจิตใจจะตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอย่างรุนแรงมากขึ้น
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการตรวจสุขภาพมีความก้าวหน้าไปมาก ซึ่งหนึ่งในนวัตกรรมที่สามารถช่วยให้เราทราบถึงความเสี่ยง ในการเป็นภาวะเกลียดเสียงได้ ก็คือการตรวจดีเอ็นเอ โดยการตรวจนี้ไม่เพียงแค่บ่งบอกถึงแนวโน้มทางพันธุกรรม ที่อาจเชื่อมโยงกับภาวะ Misophonia แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจระบบประสาท และการตอบสนองต่อเสียงของแต่ละคนได้ดีขึ้น
Geneus DNA เป็นหนึ่งในบริการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อตรวจหาความเสี่ยงทางพันธุกรรมเกี่ยวกับหลายๆ ด้าน รวมถึงภาวะเกลียดเสียง ด้วยการใช้เทคโนโลยี Whole Genome-wide Array ซึ่งสามารถตรวจสอบได้มากกว่า 20,000 ยีน และวิเคราะห์ความเสี่ยงทางพันธุกรรมได้กว่า 500 รายการ ซึ่งการตรวจดีเอ็นเอแบบนี้ ช่วยให้เราเห็นถึงแนวโน้มทางพันธุกรรม ที่อาจทำให้เรามีความไวต่อเสียงมากกว่าคนทั่วไป
ด้วยนวัตกรรม Whole Genome-wide Array นี้ Geneus DNA สามารถตรวจหาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท และการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นทางเสียงได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแค่ตรวจหาความเสี่ยงของ ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) แต่ยังช่วยให้ผู้ที่มีความไวต่อเสียงสามารถวางแผนรับมือ และปรับพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม การตรวจนี้สามารถเป็นแนวทางในการหาวิธีการบำบัด หรือการจัดการกับอาการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้ผู้ที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากการตรวจดีเอ็นเอแล้ว Geneus DNA ยังนำเสนอการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตและระบบประสาท ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสุขภาพ ได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ
แม้จะยังไม่มีการรักษาที่แน่นอนสำหรับ ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) แต่ก็มีหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ การบำบัดทางจิตวิทยา เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือการบำบัดปรับพฤติกรรม ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับมือกับปฏิกิริยาทางอารมณ์ ที่เกิดจากเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การบำบัดด้วย CBT จะช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงวิธีการตอบสนองต่อเสียง โดยการพัฒนาความเข้าใจต่อความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น การฝึกการผ่อนคลาย และการทำสมาธิ ยังสามารถช่วยลดความไวต่อเสียงได้เช่นกัน
นอกจากการบำบัดทางจิตวิทยา ผู้ป่วยที่มี ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) ยังสามารถใช้เครื่องเสียงที่ออกแบบมา เพื่อกั้นเสียงหรือช่วยปรับเสียงในสภาพแวดล้อมได้ เครื่องเสียงนี้สามารถช่วยลดความรำคาญจากเสียงรบกวนที่ทำให้เกิดอาการเกลียดเสียง นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เช่น การใช้เสียงเบาๆ เพื่อช่วยกั้นเสียงที่กระตุ้นให้เกิดความหงุดหงิดหรือตื่นตระหนก