
เริ่มต้นปีด้วยข่าวดีกับโครงการรัฐ ลดหย่อนภาษี 2568 Easy E-receipt 2.0 "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งงานนี้หลายคนมีเฮ เพราะลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถเช็กสิทธิประโยชน์ รวมถึงสินค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่นี่
เชื่อว่าหลายคนกำลังสงสัยว่า โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 แตกต่างจากปีก่อนๆ อย่างไร วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเจาะลึกว่า Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 สามารถซื้ออะไรและมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง บอกเลยว่าคนรักสุขภาพแฮปปี้แน่นอน เพราะสามารถนำไปซื้อสินค้าและบริการ เพื่อวางแผนสุขภาพได้ด้วยนะ ซึ่งหากใครกำลังเล็ง Geneus DNA ไว้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
ในแต่ละปีรัฐบาลได้ออกมาตรการโครงการรัฐมาคืนความสุขให้กับประชาชนอยู่เรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือโครงการลดหย่อนภาษี ช้อปดีมีคืน ซึ่งปีนี้มาในชื่อ Easy E-Receipt 2.0 โดยจะเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ที่ตอบแทนประชาชนด้วยการลดหย่อนภาษีที่มีวงเงินรวม 50,000 บาท โดยในปี 2568 ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเล็กน้อย ดังนี้
สำหรับโครงการการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 จะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะใช้ลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ยื่นภาษีในปี 2569) โดยสิ่งที่ทำให้ Easy E-Receipt 2.0 แตกต่างจากการลดหย่อนภาษีปีก่อนหน้า ก็คือการแบ่งเงินออกเป็น 2 ก้อน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายแบบขยายวงกว้างมากขึ้นนั่นเอง
1. ลดหย่อนภาษีก้อนแรก 30,000 บาท
สำหรับใช้ในการซื้อสินค้าและบริการ จากร้านค้าที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) ได้
2. ลดหย่อนภาษีก้อนที่สอง 20,000 บาท
สำหรับใช้ในการซื้อสินค้าจากร้านค้าวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม ตลอดจนซื้อสินค้าจากหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอท็อป (OTOP) โดยมีเงื่อนไขเดียวกับข้อแรกคือ จะต้องซื้อจากร้านค้าที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) ได้
ทั้งนี้หากประชาชนต้องการซื้อสินค้าจากร้านค้าทั่วไปที่ไม่จดทะเบียนภาษี สามารถทำได้โดยการซื้อสินค้าและบริการที่เป็นหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ซึ่งร้านดังกล่าวจะต้องออกใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ (แต่ไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีหรือใบรับรูปแบบกระดาษใดๆ ได้)
ตามกำหนดของรัฐบาลมีสินค้าและบริการบางประเภทที่ไม่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งผู้ที่กำลังวางแผนสำหรับการลดหย่อน Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 ควรรู้ ดังนี้
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า รัฐบาลได้มีการแบ่งวงเงินการลดหย่อนภาษีออกเป็น 2 ก้อน ได้แก่ ลดหย่อนภาษีก้อนแรก 30,000 บาท สำหรับใช้ในการซื้อสินค้าและบริการ จากร้านค้าที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) ได้ และลดหย่อนภาษีก้อนที่สอง 20,000 บาท สำหรับใช้ในการซื้อสินค้าจากร้านวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม ตลอดจนซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอท็อป (OTOP)
ทำให้ Geneus DNA บริการตรวจดีเอ็นเอ เป็นหนึ่งในบริการที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีตามมาตรการของ Easy E-Receipt 2.0 ได้ (ตามเงื่อนไขแรก 30,000 บาท) ดังนั้นผู้ที่สนใจซื้อบริการของ Geneus DNA ในช่วงวันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถนำค่าบริการดังกล่าว ไปยื่นภาษีในปี 2569 ได้นั่นเอง
ทั้งนี้บริการของ Geneus DNA เป็นบริการทางสุขภาพที่ได้มีการนำเทคโนโลยี มาทำการทดสอบทางพันธุกรรมโดยการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) เพื่อหาความเสี่ยงโรคตามพันธุกรรม ตรวจสุขภาพโดยรวมจากดีเอ็นเอ ตลอดจนค้นหาพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ในยีนได้ ผ่านการถอดรหัสพันธุกรรมกว่า 20,000 ยีน ด้วยเทคโนโลยี Whole Genome-wide Array (วิเคราะห์จำนวน SNPs กว่า 10 ล้านตำแหน่ง) โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจสุขภาพและวางแผนระยะยาวได้ง่ายๆ ผ่านน้ำลายโดยไม่ต้องเจาะเลือด ซึ่งจะได้รับการรายงานผลมากกว่า 500+ รายการ และติดตามผลการวิเคราะห์ DNA ผ่านแอปพลิเคชันได้ตลอดชีวิต
งานนี้บอกเลยว่าคนรักสุขภาพมีเฮ เพราะไม่เพียงแต่จะได้วางแผนสุขภาพระยะยาวจากผลดีเอ็นเอ แต่ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 ได้อีกด้วย ซึ่งใครที่กำลังสนใจ ให้ทำการสั่งซื้อได้ในช่วงวันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์นี้
อ้างอิงข้อมูลจาก กรมสรรพากร : The Revenue Department