หลายคนอาจไม่รู้ว่าเซลลูไลท์เกิดจากพันธุกรรมของเราเอง ไม่ใช่แค่การสะสมไขมัน แต่ยังเกี่ยวข้องกับยีนที่ควบคุมการเผาผลาญและการไหลเวียนเลือด มาดูกันว่ายีนมีบทบาทอย่างไรต่อการเกิดเซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเราถึงมีผิวเป็นคลื่นขรุขระ หรือที่เรียกว่า "เซลลูไลท์" แม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพอย่างดีและควบคุมน้ำหนักตลอดเวลา สาเหตุหนึ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ เซลลูไลท์นั้น ไม่ได้เกิดจากการสะสมไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังสัมพันธ์กับ DNA หรือพันธุกรรมของเราอีกด้วย เซลลูไลท์สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีโอกาสเกิดสูงกว่า นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ชีวิตประจำวัน และอาหารที่เรารับประทานก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดเซลลูไลท์ อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ และวิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
เซลลูไลท์ (Cellulite) เป็นคำที่ใช้เรียกบริเวณผิวหนังที่มีลักษณะเป็นคลื่นขรุขระ หรือผิวเปลือกส้ม ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น ต้นขา สะโพก และหน้าท้อง สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์นั้น มาจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังที่ดันขึ้นมาเบียดกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จนทำให้ผิวเกิดเป็นลอนคลื่น ซึ่งสามารถพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีโครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่แตกต่างจากผู้ชาย ทำให้ไขมันสะสมและดันผิวขึ้นมาได้ง่ายกว่า
การมีเซลลูไลท์ ไม่ได้หมายความว่าคุณมีน้ำหนักเกินหรือสุขภาพไม่ดี เพราะเซลลูไลท์สามารถเกิดขึ้นกับทั้งคนที่มีรูปร่างอ้วน สมส่วน หรือผอมก็ได้ ซึ่งในความเป็นจริง เซลลูไลท์นั้นเป็นปัญหาผิวที่พบได้ทั่วไปในผู้หญิงมากถึง 80-90% เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
เซลลูไลท์ เกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน โดยปัจจัยภายในที่สำคัญที่สุดคือพันธุกรรม ซึ่งมีผลต่อการควบคุมระดับไขมันในร่างกาย การไหลเวียนของเลือด รวมถึงความยืดหยุ่นของผิวหนัง ส่วนปัจจัยภายนอกก็มีผลไม่น้อยเช่นกัน อาทิ
มีการค้นพบว่ายีนหลายตัวมีบทบาทสำคัญในการเกิดเซลลูไลท์ โดยเฉพาะยีนที่เกี่ยวข้องกับ ระบบการเผาผลาญไขมัน การไหลเวียนของเลือด และความยืดหยุ่นของผิวหนัง ยีนเหล่านี้ทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการทางชีวภาพหลายอย่างในร่างกาย โดยยีนที่มักถูกศึกษาคือยีน ACE และ HIF1A ซึ่งทั้งสองยีนนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมการไหลเวียนเลือดในเนื้อเยื่อผิวหนัง หากการไหลเวียนเลือดไม่ดีพอ ไขมันจะสะสมและเกิดการบีบอัดจนทำให้ผิวเกิดลักษณะเซลลูไลท์ขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมี COL1A1 และ COL3A1 ยีนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนทำหน้าที่เสริมสร้างความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว หากการผลิตคอลลาเจนลดลงเนื่องจากยีนเหล่านี้ ผิวจะมีโอกาสยืดหยุ่นน้อยลงและทำให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น
นอกจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเซลลูไลท์แล้ว ปัจจุบันเรายังสามารถตรวจสอบยีนที่มีความสัมพันธ์กับการสะสมไขมัน และความยืดหยุ่นของผิวหนังได้อย่างแม่นยำ ผ่านการตรวจ DNA โดยหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือการตรวจยีนกับ Geneus DNA ซึ่งใช้เทคโนโลยี Whole Genome-wide Array ที่ครอบคลุมยีนมากกว่า 20,000 ยีน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพมากกว่า 500 รายการ รวมถึงการตรวจยีนที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมัน การผลิตคอลลาเจน และการไหลเวียนเลือดด้วย
Geneus DNA ยังช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดเซลลูไลท์ รวมถึงคำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงสำหรับร่างกายของคุณ ด้วยข้อมูลทางพันธุกรรมที่ได้ คุณสามารถปรับแผนการดูแลผิวและร่างกายให้เหมาะสมกับยีนของคุณโดยตรง ทั้งในด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดโอกาสในการเกิดเซลลูไลท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่า DNA และพันธุกรรมจะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ แต่ก็ยังมีหลายวิธีที่สามารถช่วยป้องกัน และลดการเกิดเซลลูไลท์ได้ โดยอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่เน้นบริเวณต้นขา สะโพก และหน้าท้อง เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน และการทำสควอท การออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยลดการสะสมของไขมัน และทำให้ผิวดูกระชับมากขึ้น
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยให้ร่างกายสามารถขับสารพิษ และไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูป เพราะจะทำให้ร่างกายสะสมไขมันและเกิดเซลลูไลท์ได้ง่ายขึ้น
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย การดื่มน้ำเพียงพอ จะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น และเรียบเนียนขึ้น รวมถึงช่วยลดการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
4. การนวดและใช้ครีมลดเซลลูไลท์
การนวดเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และการขจัดไขมันใต้ผิวหนัง นอกจากนี้การใช้ครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น คาเฟอีน หรือเรตินอล ก็สามารถช่วยให้เซลลูไลท์ลดลงได้ในระยะยาว
5. ทรีตเมนต์ความงาม
สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน การทำทรีตเมนต์ความงาม เช่น การใช้เลเซอร์หรือการทำทรีตเมนต์คลื่นวิทยุ (RF) สามารถช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวดูกระชับขึ้นได้
เซลลูไลท์เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งทางพันธุกรรม ฮอร์โมน การใช้ชีวิต และอายุ แม้ว่า DNA จะมีบทบาทสำคัญในการเกิดเซลลูไลท์ แต่การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสามารถช่วยป้องกัน และลดการเกิดเซลลูไลท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ