สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในคนหลายกลุ่มอายุ ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน และผู้ที่เป็นสิวมักจะมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นสิวมาก่อน จนนำไปสู่การค้นพบว่า สิวอาจเกิดจากยีนในพันธุกรรมของเรา บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปดูด้วยกันว่า ยีนเกี่ยวข้องกับการเป็นสิวอย่างไร และคนที่เสี่ยงเป็นสิวง่าย ควรดูแลผิวหน้าอย่างไร ให้ปลอดภัยจากสิว

รู้ทันผิวหน้า สิวเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์หรือไม่? มีวิธีป้องกันสิวอย่างไรบ้าง

สาเหตุการเกิดสิว

โดยพื้นฐานแล้ว สิวเกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันและรูขุมขน ซึ่งต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันที่เรียกว่า "ซีบัม" (Sebum) โดยน้ำมันนี้จะถูกขับออกมาทางรูขุมขนผ่านทางช่องเปิดของผิวหนัง

รูขุมขนจะถูกบุด้วยเซลล์ที่เรียกว่า "เคราติโนไซต์" (Keratinocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ก่อให้เกิดเส้นขนบนผิวหนัง เมื่อเซลล์เหล่านี้โตเต็มที่ก็จะหลุดออกจากผิว และการอุดตันของช่องเปิดรูขุมขนนี้ ก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เพราะเมื่อมีการอุดตัน จะทำให้รูขุมขนบวมขึ้น จากการที่ซีบัมและเซลล์ที่ตายแล้วสะสมอยู่ภายในนั่นเอง นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสิวด้วย ดังนี้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิว

• การที่แบคทีเรียบนผิวหนัง โดยเฉพาะ Propionibacterium acnes สะสมอยู่ในรูขุมขน
• ต่อมไขมันผลิตน้ำมันหรือซีบัมมากเกินไป
• การหลุดลอกของเซลล์เคราติโนไซต์ภายในรูขุมขนมากเกินไป จนเกิดการอุดตัน
• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อผิว

ทั้งนี้ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมที่ค้นพบว่า สิวอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และลักษณะผิวเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลด้วย 

สิวกรรมพันธุ์ เป็นสิวง่ายเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหรือไม่?

เคยสังเกตไหม? ผู้ที่เป็นสิวมักจะมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นสิวมาก่อน เช่น เด็กวัยเรียนที่เป็นสิวส่วนใหญ่ก็จะมีพ่อแม่หรือพี่น้องที่เคยเป็นสิวเช่นกัน โดยมีงานวิจัยเกี่ยวกับฝาแฝดในสหรัฐฯ ที่พบว่าทั้งคู่มีโอกาสสูงที่จะสืบทอดลักษณะ การเกิดสิวจากกันและกัน ผลการวิจัยนี้ยังได้รับการยืนยันเพิ่มเติมในงานวิจัยจากออสเตรเลีย เกี่ยวกับศึกษาเรื่องการผลิต และองค์ประกอบของซีบัมในฝาแฝด พบว่าแฝดแท้มีความคล้ายคลึงกันมากกว่าแฝดไม่แท้ ในเรื่องของการขับซีบัม และเปอร์เซ็นต์ของกรดไขมันที่พบในซีบัม โดยการศึกษาเหล่านี้สรุปได้ว่า ประมาณ 50-90% ของการเกิดสิวมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม (DNA)

นอกจากนี้งานวิจัยที่ศึกษาฝาแฝด 400 คู่ พบว่า 81% ของสิวเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งนำไปสู่การสรุปผลว่า

• 47% ของฝาแฝดที่มีสิว จะมีพี่น้องอย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นสิว ในขณะที่ฝาแฝดที่ไม่มีสิว มีพี่น้องที่เป็นสิวเพียง 15% ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรม มีบทบาทสำคัญในการเกิดสิว ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับระดับ
• แอนโดรเจน หรือระดับโปรตีนไขมัน ที่ถูกควบคุมโดยพันธุกรรมในแต่ละบุคคล
• 25% ของฝาแฝดที่เป็นสิว เผยว่าพ่อแม่ของตนเคยเป็นสิวเช่นเดียวกัน 
• 41% ของฝาแฝดที่เป็นสิว จะมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นสิวด้วย ในขณะที่ฝาแฝดที่ไม่มีสิว จะมีลูกที่เป็นสิวเพียง 17% เท่านั้น

ยีนที่ทำให้เสี่ยงเป็นสิวง่าย

การเกิดสิวมีความสัมพันธ์กับยีนหลายชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยยีนที่สำคัญ ได้แก่ ยีน AR ที่ควบคุมการผลิตน้ำมันในผิวหนังผ่านการกระตุ้นฮอร์โมนแอนโดรเจน ยีน CYP17A1 ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ซึ่งอาจทำให้ผิวมันและเกิดสิวง่าย และยีน FGFR2 ที่มีบทบาทในการพัฒนาต่อมไขมันและการผลิตน้ำมัน

นอกจากนี้ ยีน TNF-α ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ และระบบภูมิคุ้มกัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ส่วนยีน MC1R ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อการอักเสบของผิวหนัง และการสร้างเม็ดสี ก็สามารถเพิ่มความไวของผิวหนังต่อการอักเสบ และการเกิดสิวได้

การศึกษาพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิวนี้ ช่วยให้เราเข้าใจถึงสาเหตุ และวิธีการป้องกัน หรือรักษาสิวได้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวที่เกิดจากพันธุกรรม การปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

• ยีน คืออะไร?

ตรวจยีนหาแนวโน้มความเสี่ยงการเป็นสิวกรรมพันธุ์ Geneus DNA

การตรวจยีนเพื่อหาแนวโน้มความเสี่ยงของการเป็นสิวกรรมพันธุ์กับ Geneus DNA เป็นวิธีที่ล้ำสมัยและมีความแม่นยำสูง โดยทาง Geneus DNA ใช้เทคโนโลยี Whole Genome-wide Array ซึ่งสามารถวิเคราะห์ยีนได้กว่า 20,000 ยีน และตรวจสอบ SNPs ได้มากกว่า 10 ล้านตำแหน่ง มาใช้ในการระบุยีนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น ความเสี่ยงในการเกิดสิวที่สืบทอดจากพันธุกรรม  ทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยงของสิว ที่อาจเกิดจากยีนได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้บริการของ Geneus DNA ยังครอบคลุมการรายงานผลข้อมูลทางสุขภาพมากกว่า 500 รายการ เช่น ความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร และการแพ้ยา โดยผลการวิเคราะห์จัดทำขึ้นในห้องแล็บที่มีมาตรฐานระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ทำให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำสูง ข้อมูลที่ได้รับนี้สามารถใช้เพื่อการตัดสินใจในการดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น ช่วยให้คุณสามารถปรับการดูแลผิวให้เหมาะสม และลดความเสี่ยง ในการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ท่านยังสามารถนำผลวิเคราะห์ DNA ไปเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ และรับชุดวิตามินผิวที่เหมาะกับตัวเองอย่าง Geneus CARE ได้อีกด้วย

วิธีดูแลผิวสำหรับผู้ที่เป็นสิวง่ายจากพันธุกรรม

การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวจากพันธุกรรม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และปราศจากสารเคมีรุนแรง เพื่อป้องกันการระคายเคือง และไม่ทำให้ผิวแห้ง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมล้างหน้าอย่างน้อยวันละสองครั้ง โดยเฉพาะหลังจากกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก และต้องหลีกเลี่ยงการถูหรือขัดผิวหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และทำให้สิวแย่ลงได้

การใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ สำหรับผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Benzoyl Peroxide ซึ่งช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และป้องกันการเกิดสิว ตลอดจนหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Oil-Free นอกจากนี้ การทาครีมกันแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) และมีค่า SPF ที่เหมาะสม เช่น SPF 30 ขึ้นไป จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ทำให้สิวไม่แย่ไปกว่าเดิม

การดูแลด้านอาหารและพฤติกรรมก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยผู้ที่เป็นสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพราะอาจทำให้แบคทีเรียจากมือเข้าสู่ผิว และทำให้สิวเกิดขึ้นได้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุ จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดการเกิดสิว แต่หากปัญหาสิวไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีทั่วไป การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา การทำเลเซอร์ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการปัญหาสิวจากพันธุกรรม

ข้อมูลจาก https://www.news-medical.net/health/Genetics-of-Acne.aspx