Rated 4.98-stars across 2K+ reviews
Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews

โรคพาร์กินสัน: ส่งต่อผ่านพันธุกรรมได้

GeneusDNA profile image By
GeneusDNA
|
Oct 28, 2024
|
790
สุขภาพ
พันธุศาสตร์
โรค
โรคพาร์กินสัน, โรคพาร์กินสัน กรรมพันธุ์, โรคพาร์กินสัน อาการ, โรคพาร์กินสัน ยีน, โรคพาร์กินสัน DNA
Summary
โรคพาร์กินสัน, โรคพาร์กินสัน กรรมพันธุ์, โรคพาร์กินสัน อาการ, โรคพาร์กินสัน ยีน, โรคพาร์กินสัน DNA

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่มีความซับซ้อน เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต โดยโรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยเฉพาะการควบคุมกล้ามเนื้อ โรคนี้เป็นหนึ่งในโรคทางระบบประสาทที่พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ตามวัยที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีองค์ประกอบทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อการเกิดโรคนี้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสัน

กลัวเป็นโรคพาร์กินสัน สามารถตรวจยีนความเสี่ยง เพื่อป้องกันได้

โรคพาร์กินสันคืออะไร

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทในสมอง ส่วนที่เรียกว่า "ซับสแตนเซีย นิกร่า" (Substantia nigra) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหว เมื่อเซลล์ประสาทในส่วนนี้เริ่มเสื่อมลง จะทำให้มีการผลิตสารโดพามีน (Dopamine) ลดลงด้วย 

ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น การสั่น (Tremor) การเคลื่อนไหวช้า (Bradykinesia) และความแข็งของกล้ามเนื้อ (Rigidity) โรคนี้มีความซับซ้อนและสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ โรคพาร์กินสันประเภทหลัก (Idiopathic Parkinson's Disease) และโรคพาร์กินสันประเภทที่เกิดจากสาเหตุรอง (Secondary Parkinsonism) เช่น การใช้ยาบางประเภท หรือการบาดเจ็บที่สมอง 

อาการของโรคพาร์กินสัน

อาการของโรคพาร์กินสันมักจะแสดงออกมาในลักษณะต่างๆ เช่น

  • การสั่น: อาการสั่นที่มือหรือนิ้วมือในขณะที่อยู่ในสภาพนิ่ง โดยเฉพาะในตอนพัก อาการนี้อาจเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล
  • การเคลื่อนไหวช้า: อาการที่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ส่งผลให้การทำกิจกรรมต่างๆ ยากขึ้น เช่น การเดิน หรือการทำงานประจำวัน
  • ความแข็งของกล้ามเนื้อ: กล้ามเนื้อจะมีความแข็งมากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก ผู้ป่วยอาจรู้สึกตึงเครียด หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
  • การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: อาจมีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจพบว่า ตนเองมีปัญหาด้านการนอนหลับหรือความจำร่วมด้วย
  • การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม: ผู้ป่วยอาจมีการเปลี่ยนแปลงในนิสัยหรือพฤติกรรม เช่น ความอ่อนไหวทางอารมณ์ หรือการสูญเสียความสนใจในกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ

อาการพาร์กินสัน

สาเหตุของโรคพาร์กินสัน

สาเหตุของโรคพาร์กินสันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายประการที่สามารถมีส่วนร่วม ได้แก่

  1. พันธุกรรม: มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโรคพาร์กินสันสามารถส่งผ่านทางกรรมพันธุ์ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ ทำให้ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นโรคพาร์กินสันมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคนี้
  2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม: การสัมผัสกับสารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีที่เป็นพิษในที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรค
  3. อายุ: โรคพาร์กินสันมักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยอาการมักเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

สาเหตุของโรคพาร์กินสัน

การตรวจความเสี่ยงโรคพาร์กินสัน

การตรวจความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสันสามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงการตรวจสอบประวัติสุขภาพของบุคคลและครอบครัว เพื่อดูว่ามีความเสี่ยงที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือไม่ การทดสอบทางพันธุกรรม สามารถช่วยให้ผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่สำคัญ เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Geneus DNA นำเสนอเทคโนโลยีการตรวจสอบพันธุกรรมที่ทันสมัย ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมผ่านยีน ได้มากกว่า 20,000 ยีนและ SNPs (Single Nucleotide Polymorphisms) กว่า 10 ล้านจุด เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ และแนวโน้มการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคพาร์กินสันด้วย

นอกจากนี้ Geneus DNA ยังมีการวิเคราะห์พันธุกรรมเฉพาะบุคคล ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โภชนาการ การพักผ่อน และการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการดูแลสุขภาพ ให้เหมาะสมกับความต้องการ และความเสี่ยงทางสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงของตนเองได้

ตรวจยีนโรคพาร์กินสัน

การรักษาโรคพาร์กินสัน

การรักษาโรคพาร์กินสันมักประกอบด้วยหลายวิธี ซึ่งรวมถึง

  • การใช้ยา: ยาที่ช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในสมอง เช่น เลโวโดปา (Levodopa) เป็นยาหลักที่ใช้รักษาโรคนี้ ร่วมกับยาที่ช่วยควบคุมอาการต่างๆ เช่น ยาต้านประสาท (Anticholinergics) และยาโมดูลเลเตอร์โดพามีน (Dopamine agonists)
  • การบำบัดทางกายภาพ: เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น การบำบัดทางกายภาพช่วยปรับปรุงความแข็งแรง และความสมดุลของร่างกาย
  • การบำบัดทางจิต: การให้คำปรึกษาหรือการบำบัดทางจิตสามารถช่วยผู้ป่วย ในการจัดการกับอารมณ์ และความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับโรค
  • การผ่าตัด: ในบางกรณีอาจมีการพิจารณาผ่าตัดเพื่อช่วยควบคุมอาการ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่อาการรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

การรักษาโรคพาร์กินสัน

สรุปได้ว่าโรคพาร์กินสันเป็นโรคที่มีความซับซ้อน และสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมีนัยสำคัญ การตรวจสอบประวัติทางพันธุกรรม และการรับรู้ถึงอาการที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการกับโรคนี้ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมและป้องกันโรคในอนาคต การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันและการตรวจสอบความเสี่ยงจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเตรียมตัวและเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

chat line chat facebook